1. โรคเส้นเลือดตีบ (Atherosclerotic Disease)
2. โรคหลอดเลือดแดงหัวใจ (Coronary Artery)
3. โรคหลอดเลือด (Vascular Disease)
4. โรคความดัน (Hypertension)
5. โรคเบาหวาน (DM :Diabetes mellitus)
6. โรคอัมพฤต อัมพาต (Cerebrovascular Disease)
7. โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus)
8. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
9. โรคหนังแข็ง (Scleroderma)
10. โรคภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmias)
11. บุคคลที่มีอาการปวดเมื่อย อ่อนเพลียตามร่างกาย (Fibromyalgia)
12. โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
13. ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)
14. เส้นเลือดขอด (Varicose Vein)
15. แคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia)
16. ไขมันในเลือดสูง (Hypercholesterolemia)
17. โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
18. โรคต้อหิน ฯลฯ (Glaucoma)

1. ลดอาการหอบหืด ภูมิแพ้ ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น
2. ลดการอุดตันในหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ
3. ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด
4. ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
5. บรรเทาอาการอัลไซเมอร์
6. ช่วยให้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังหมดไป สมองแจ่มใส ช่วยให้ความจำดี
7. บรรเทาอาการเหน็บชา 
8. ลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดการเกิดข้ออักเสบ เพิ่มมวลกระดูก
9. ลดโอกาสเกิดมะเร็ง 
10. ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ ระบบการหมุนเวียนโลหิตทั่วไปดีขึ้น
     

สัปดาห์ละ 1ครั้ง*20ครั้ง หลังจากนั้น 1เดือน*6ครั้ง
(ตามคำแนะนำของแพทย์)
 

• บุคคลที่มีอาการแพ้ EDTA
• หญิงตั้งครรภ์
• บุคคลมีภาวะหัวใจล้มเหลว 
• บุคคลมีภาวการณ์ทำงานของตับบกพร่อง
• บุคคลมีภาวการณ์ทำงานของไตบกพร่อง
• บุคคลมีภาวะพร่องเอนไซม์ G-6-PD
   

ในระยะ 24-48 ชั่วโมง บางท่านอาจมีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นแก้ไขได้ โดยการดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างน้อย   2-3 ลิตร พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำผลไม้และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามความต้องการของร่างกาย

1. EDTA
2. VITAMIN C  (VIT C)
3. PYDIDOXINE HYDROCHLORIDE (B6)
4. B complex (Bco)
5. 50%MgSo4
6. 7.5%NaHCO3